[บทความ] โครงการระบบส่งน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร บ้านโคกสำราญ

โครงการระบบส่งน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร บ้านโคกสำราญ หมู่ที่ 1 ตำบลโคกสำราญ อำเภอบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตกร ซึ่งเป็นหนึ่งใน “โครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฐานรากเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะว่างงานของปัญหาโควิด-19” หรือ “โครงการโควิด ปิดทองหลังพระฯ”

เดิมบ้านโคกสำราญ มีแหล่งน้ำหลักคืออ่างเก็บน้ำแก่งละว้าซึ่งเป็นพื้นที่ที่น้ำจากหลายแห่งไหลมารวมกัน มีความจุ 172,000 ลบ.ม. ชาวบ้านในพื้นที่ 58 ครัวเรือน ทำการเกษตรเป็นหลัก ใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำนี้ทำนา ปลูกข้าว ปลูกผัก กิน อาบน้ำ แต่ใช้น้ำไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ และเมื่อต้องการใช้น้ำจะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเพื่อสูบน้ำเข้าสู่ที่นาและแปลงเกษตรของตนเอง ทำให้เสียค่าไฟฟ้ามาก อีกทั้งระบบท่อส่งน้ำกระจายน้ำก็ชำรุดเสียหายจากระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนาน

มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ จึงร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และชุมชน ในรูปแบบสี่ประสาน เพื่อก่อให้เกิดสามประโยชน์ คือ เกิดระบบกระจายน้ำเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเกษตรกร เกิดธุรกิจใหม่ในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตรงความต้องการของตลาดและเกิดความรู้เพื่อให้ท้องถิ่นและชุมชนพัฒนาตนเองได้อย่างยั่งยืนในอนาคต“โครงการระบบส่งน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร บ้านโคกสำราญ หมู่ที่ 1 ตำบลโคกสำราญ อำเภอบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่น” จึงเกิดขึ้น โดยติดตั้งระบบสูบน้ำแบบพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อสูบน้ำกระจายสู่แปลงเกษตร และปรับปรุงและติดตั้งท่อเพื่อกระจายน้ำให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการในพื้นที่ได้รับประโยชน์ จำนวน 58 ครัวเรือน 30 ไร่

การพัฒนาได้เริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 โดยติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ และขยายท่อส่งน้ำระบบประปาเข้าแปลงเกษตร โดยมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ สนับสนุนค่าวัสดุ อุปกรณ์ หิน ปูน ทราย ท่อ ตามแบบ ปร.4 ปร.5 เป็นจำนวนเงิน 424,000 บาท โดยมีช่างงานเทคนิค ช่างงานหอถัง ทีมติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ชาวบ้านผู้รับประโยชน์ และพนักงานประสานโครงการและอาสาสมัครพัฒนาโครงการฯ ที่ปิดทองหลังพระฯ จ้างผู้ว่างงาน/ตกงานจากผลกระทบโควิด-19 ให้มาประสานงานโครงการและเชื่อมโยงสร้างความเข้าใจกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ให้ทำงานร่วมกัน สอดคล้องกันตามแผนงานและระยะเวลาที่กำหนดไว้

โครงการใช้ระยะเวลาเพียง 37 วันก็แล้วเสร็จ ซึ่งได้มีการประชาคมชาวบ้านต่อถึงกิจกรรมทางเกษตรหลังจากมีระบบน้ำแล้ว โดยนำแนวพระราชดำริหลักเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่มาประยุกต์ใช้ในพื้นที่ จัดตั้งกลุ่มผู้ปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษและทำเกษตรแปลงรวม 2 แปลง ขนาด 15 ไร่ และ 5 ไร่ สำหรับปลูกพืชผักไว้บริโภคลดค่าใช้จ่าย หากเหลือแล้วจึงแบ่งขาย เช่น ผักสลัด คะน้า กวางตุ้ง กะหล่ำปี มะเขือ ข้าวโพด ถั่วลิสง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมความรู้ให้แก่เกษตรกรต่อเนื่อง ได้แก่ ความรู้ด้านน้ำ เช่น การบริหารจัดการน้ำ การสำรองน้ำ ความรู้ด้านพืช เช่น การปลูกพืชนอกฤดู กองทุนเมล็ดพันธุ์ การลดต้นทุน การเพิ่มผลผลิต และความรู้ด้านประมง ปศุสัตว์ เช่น การเลี้ยงปลานิล ปลาดุก การเลี้ยงไก่ และโค กะบือ เพื่อให้มีความรู้ตามหลักวิชาการและเป็นอาชีพทางเลือกเสริมต่อไป

ปัจจุบันผ่านมาแล้ว 9 เดือน เกษตรกรทั้ง 58 ครัวเรือน ได้ประโยชน์จากการลดค่าใช้จ่ายต่อเดือนได้ 87,000 บาท หรือ 1,500 บาท/ครัวเรือน และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมทางการเกษตรหลังมีระบบน้ำอีกเดือนละ 176,000 บาท หรือ 3,034.5 บาท/ครัวเรือน ซึ่งเมื่อคิดเป็นมูลค่าต่อปีแล้วคาดการณ์ว่าเกษตรกรจะลดรายจ่ายค่าบริโภคในครัวเรือนได้ถึงปีละ 1,044,000 บาท หรือ 18,000 บาท/ครัวเรือน และมีรายได้เพิ่มจากกิจกรรมทางเกษตรหลังมีระบบน้ำแล้วถึงปีละ 2,112,000 บาท หรือ 36,414 บาท/ครัวเรือน เลยทีเดียว

นางเสงี่ยม เพียแก่นแก้ว หรือแม่เสงี่ยม กรรมการกลุ่มผู้ปลูกผักปลอดสารพิษ กล่าวว่า โครงการที่ปิดทองและหน่วยงานต่างๆ มาช่วยทำระบบโซล่าเซลล์และระบบกระจายน้ำเข้าสู่แปลงเป็นประโยชน์มาก ชาวบ้านในพื้นที่เห็นประโยชน์ก็มาช่วยกันทำ ช่วยให้ลดค่าไฟฟ้าและค่ากินได้มากเลย และยังนำน้ำไปใช้สร้างรายได้เสริมอีก ปัจจุบันเกษตรกรบ้านโคกสำราญมีความสุขดี พึ่งตนเองได้ แถมยังบอกว่าได้รับผลกระทบจากโควิดน้อย ไม่ต้องห่วง

[บทความ] โครงการระบบส่งน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร บ้านโคกสำราญ
[บทความ] โครงการระบบส่งน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร บ้านโคกสำราญ
[บทความ] โครงการระบบส่งน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร บ้านโคกสำราญ
[บทความ] โครงการระบบส่งน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร บ้านโคกสำราญ
[บทความ] โครงการระบบส่งน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร บ้านโคกสำราญ
รูปภาพเพิ่มเติม

ข่าวอื่นๆ

น่าน

น่าน

อุดรธานี

อุดรธานี

กาฬสินธุ์

กาฬสินธุ์

เพชรบุรี

เพชรบุรี

อุทัยธานี

อุทัยธานี

ขอนแก่น

ขอนแก่น

3 จังหวัด
ชายแดนใต้

3 จังหวัดชายแดนใต้

3 จังหวัด
ชายแดนเหนือ

3 จังหวัดชายแดนเหนือ