“กล้าเปลี่ยนจากพืชเชิงเดียวมาทำเกษตรผสมผสาน เพราะเห็นว่า เราได้ทำ เราได้ใช้ เราได้กิน แต่ที่สำคัญที่สุดเราต้องขยัน ถ้าไม่ขยันก็ไม่ได้กินเหมือนกัน”
จากที่เคยทำพืชเชิงเดี่ยว เมื่อถึงวันที่ต้องเปลี่ยนแปลงหลายคนเลือกที่จะไม่เปลี่ยน เพราะคุ้นชินกับการทำการเกษตรในรูปแบบเดิม แม้ว่าจะได้เงินก้อน แต่เมื่อหักลบกลบหนี้แล้วแทบจะไม่เหลือเงินเลยก็ตาม แต่สำหรับ “ไกล้รุ่ง บุญเกิด” หญิงสาวชาวกะเหรี่ยงโป แห่งบ้านคลองเสลา ต.แก่นมะกรูด อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ใช้เวลาศึกษาเรียนรู้และศึกษาการทำงานของ มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ที่เข้ามาพัฒนาพื้นที่ แม้ในช่วงแรกจะมีคำถาม แต่เมื่อมีน้ำจากบ่อพวงสันเขา และประปาภูเขา ที่ มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ นำองค์ความรู้มาให้และยังพาชาวบ้านร่วมทำ จากพื้นที่ที่เคยขาดน้ำ ก็มีน้ำใช้ทุกฤดูกาล “ไกล้รุ่ง” บอกว่า “เรื่องน้ำ ถ้าไม่มีปิดทองฯ ไม่มี ไม่รู้ว่าเราจะไปเอาน้ำจากที่ไหน”
เมื่อมีน้ำก็สามารถทำได้ทุกอย่าง เพียงแค่ 2 ปี ไกล้รุ่ง ตัดสินใจเปลี่ยนจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวอย่าง “ข้าวโพด” มาทำเกษตรผสมผสาน แม้จะเป็นเรื่องใหม่แต่หญิงสาวชาวกะเหรี่ยงโปก็พร้อมจะเปิดรับ ไกล้รุ่ง ค่อย ๆ ศึกษาความรู้จากมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ และหาความรู้เพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต เธอบอกว่า “การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมไปเรื่อย ๆ”
วันนี้ ไกล้รุ่ง บุญเกิด สามารถเปลี่ยนภูเขาที่เคยมีแต่ไร่ข้าวโพดให้กลายมาเป็นเกษตรผสมผสาน ไม้ยืนต้น และผลไม้หลากหลายชนิด สามารถสร้างรายได้ให้เธอตลอดทั้งปี ที่สำคัญกว่านั้น คือ คืนความสดชื่นให้ผืนป่า และเธอภูมิใจที่สามารถปลูกป่าให้กับลูกกับหลานได้ร่มเย็นต่อไปในอนาคต
ไกล้รุ่ง บุญเกิด บอกว่า “ถ้าเราปลูกต้นไม้ 1 ต้น ธรรมชาติมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเราไม่ปลูกเลยมันก็จะเป็นภูเขาหัวโล้นไปเรื่อย ๆ หนูอยากปลูกป่าให้ลูกเรารู้ว่า เราปลูกป่า เรามีไม้ผลกินไม่ต้องไปขอใคร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำให้เราดูแล้ว เราจะเดินตามพ่อไปเรื่อย ๆ เดินก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้น ๆ ไม่ท้อค่ะ”
“กล้าเปลี่ยนจากพืชเชิงเดียวมาทำเกษตรผสมผสาน เพราะเห็นว่า เราได้ทำ เราได้ใช้ เราได้กิน แต่ที่สำคัญที่สุดเราต้องขยัน ถ้าไม่ขยันก็ไม่ได้กินเหมือนกัน”
จากที่เคยทำพืชเชิงเดี่ยว เมื่อถึงวันที่ต้องเปลี่ยนแปลงหลายคนเลือกที่จะไม่เปลี่ยน เพราะคุ้นชินกับการทำการเกษตรในรูปแบบเดิม แม้ว่าจะได้เงินก้อน แต่เมื่อหักลบกลบหนี้แล้วแทบจะไม่เหลือเงินเลยก็ตาม แต่สำหรับ “ไกล้รุ่ง บุญเกิด” หญิงสาวชาวกะเหรี่ยงโป แห่งบ้านคลองเสลา ต.แก่นมะกรูด อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ใช้เวลาศึกษาเรียนรู้และศึกษาการทำงานของ มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ที่เข้ามาพัฒนาพื้นที่ แม้ในช่วงแรกจะมีคำถาม แต่เมื่อมีน้ำจากบ่อพวงสันเขา และประปาภูเขา ที่ มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ นำองค์ความรู้มาให้และยังพาชาวบ้านร่วมทำ จากพื้นที่ที่เคยขาดน้ำ ก็มีน้ำใช้ทุกฤดูกาล “ไกล้รุ่ง” บอกว่า “เรื่องน้ำ ถ้าไม่มีปิดทองฯ ไม่มี ไม่รู้ว่าเราจะไปเอาน้ำจากที่ไหน”
เมื่อมีน้ำก็สามารถทำได้ทุกอย่าง เพียงแค่ 2 ปี ไกล้รุ่ง ตัดสินใจเปลี่ยนจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวอย่าง “ข้าวโพด” มาทำเกษตรผสมผสาน แม้จะเป็นเรื่องใหม่แต่หญิงสาวชาวกะเหรี่ยงโปก็พร้อมจะเปิดรับ ไกล้รุ่ง ค่อย ๆ ศึกษาความรู้จากมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ และหาความรู้เพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต เธอบอกว่า “การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมไปเรื่อย ๆ”
วันนี้ ไกล้รุ่ง บุญเกิด สามารถเปลี่ยนภูเขาที่เคยมีแต่ไร่ข้าวโพดให้กลายมาเป็นเกษตรผสมผสาน ไม้ยืนต้น และผลไม้หลากหลายชนิด สามารถสร้างรายได้ให้เธอตลอดทั้งปี ที่สำคัญกว่านั้น คือ คืนความสดชื่นให้ผืนป่า และเธอภูมิใจที่สามารถปลูกป่าให้กับลูกกับหลานได้ร่มเย็นต่อไปในอนาคต
ไกล้รุ่ง บุญเกิด บอกว่า “ถ้าเราปลูกต้นไม้ 1 ต้น ธรรมชาติมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเราไม่ปลูกเลยมันก็จะเป็นภูเขาหัวโล้นไปเรื่อย ๆ หนูอยากปลูกป่าให้ลูกเรารู้ว่า เราปลูกป่า เรามีไม้ผลกินไม่ต้องไปขอใคร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำให้เราดูแล้ว เราจะเดินตามพ่อไปเรื่อย ๆ เดินก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้น ๆ ไม่ท้อค่ะ”